หลวงพ่อไปล่ ท่านเป็นชาวบางขุนเทียน เกิดในรัชกาลที่ 4 เมื่อพุทธศักราช 2403 ในสกุลทองเหลือ พื้นเพเป็นชาวบ้านตำบลบางบอนใต้ เขตบางขุนเทียน เป็นบุตรของนายเหลือและนางทอง มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดาเดียวกัน 5 คน
ในเยาว์วัยได้เรียนหนังสือไทยและหนังสือขอมกับอาจารย์ทัด วัดสิงห์ เมื่อเป็นฆราวาสท่านเป็นคนมีร่างกายแข็งแรง มีจิตใจกล้าหาญ เป็นคนกว้างขวาง มีสมัครพรรคพวกมาก ซึ่งในยุคนั้นบ้านบางบอนเป็นดินแดนของนักเลงหัวไม้ เวลามีงานวัดยกพวกตีกันเป็นประจำ นายไปล่จึงนับว่าเป็นลูกพี่ของคนในหมู่บ้านนั้น
ท่านอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดกำแพง เมื่อพุทธศักราช 2426 อายุ 23 ปี อาจารย์ทัด วัดสิงห์ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อพ่วง วัดกก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อดิษฐ์ วัดกำแพง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ มีนามฉายาว่า “ฉันทสโร” หลวงพ่อไปล่เมื่อวัยหนุ่ม ท่านมีความสนใจในทางวิชาอาคม โดยได้เดินทางไปเป็นศิษย์ของพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายท่าน เช่น เรียนทางคงกระพันชาตรีกับพระอาจารย์คง เรียนวิชาผูกหุ่นพยนต์กับหลวงพ่อหรุ่น วัดบางปลา เรียนทางเมตตามหานิยมกับหลวงพ่อพ่วง วัดกก เรียนทางสักยันต์คงกระพันกับหลวงพ่อดิษฐ์ วัดกำแพง
ท่านสามารถสวดปาติโมกข์ได้ตั้งแต่บวชได้พรรษาที่สอง ต่อมาได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ในเขตบางขุนเทียน และเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพนับถือของผู้คนในละแวกบางขุนเทียนเป็นอย่างมาก จนถึงมรณะภาพเมื่อพุทธศักราช 2489 (จากการสอบถามจากพระครูเกษมธรรมาภินันท์ เจ้าอาวาสวัดกำแพงองค์ปัจจุบัน เมื่อวันที่ 8 ก.ค.50)
เหรียญหล่อหลวงพ่อไปล่
หลวงพ่อไปล่ วัดกำแพง ได้สร้างเหรียญหล่อโบราณซึ่งวงการนิยมแบ่งออกได้เป็น 4 แบบ คือ
- เหรียญหล่อพิมพ์จอบใหญ่ มี 2 แบบ
1.1 เหรียญหล่อพิมพ์จอบใหญ่ เนื้อฝาบาตรหรือเนื้อทองเหลือง พิมพ์มาตรฐาน
1.2 เหรียญหล่อพิมพ์จอบใหญ่ เนื้อสัมฤทธิ์ พิมพ์ชาวบ้าน
รูปลักษณ์เหรียญ
ด้านหน้า เป็นรูปพระสงฆ์ (ไม่มีเกศ) นั่งขัดสมาธิราบบนฐานชั้นเดียว รูปเหรียญเป็นเหรียญหล่อทรงจอบ มีเส้นโค้งนูนโดยรอบเหรียญ 2 เส้น ให้รายละเอียดบนใบหน้า เช่น หู ตา จมูก ปาก ชัดพอประมาณ ครองจีวรเห็นรัดประคดชัดเจน ด้านบนเหรียญมีหูหล่อในตัวซึ่งทำทีละอัน ขนาดจึงไม่เท่ากัน
ด้านหลัง มีอักษรไทย นูนสูง เขียนว่า “ที่ระฤก ๒๔๗๘“
เนื้อ ทองเหลือง (ฝาบาตร) สัมฤทธิ์ เนื้อขันลงหิน - เหรียญหล่อ พิมพ์รูปไข่ มี 2 เนื้อ คือ
2.1 เหรียญหล่อรูปไข่ เนื้อสัมฤทธิ์
2.2 เหรียญหล่อรูปไข่ เนื้อทองเหลืองหรือเนื้อฝาบาตร
รูปลักษณ์เหรียญ
ด้านหน้า เป็นรูปพระสงฆ์ (ไม่มีเกศ) นั่งขัดสมาธิราบบนฐานเขียงคล้ายกับเหรียญจอบใหญ่ เห็นหน้าสังฆาฏิและรัดปะคดชัดเจน รูปทรงเหรียญเป็นรูปไข่ มีหู หล่อในตัวด้านบน
ด้านหลัง มีอักษรไทย เขียนว่า “ที่ระฤก ๒๔๗๘“
- เหรียญหล่อ ทรงเสมา เนื้อสัมฤทธิ์ (มีพบน้อยมาก)
รูปลักษณ์เหรียญ
ด้านหน้า เป็นรูปพระสงฆ์ (หลวงพ่อไปล่) อยู่ในกรอบรูปเสมา มีห่วงหล่อในตัวด้านบน
ด้านหลัง มีแบบหลังเรียบ และแบบหลังมีอักษรไทย
เนื้อ สัมฤทธิ์ (แบบเหรียญรูปไข่) - เหรียญหล่อทรงห้าเหลี่ยม รูปพระพุทธ เนื้อสัมฤทธิ์ (รุ่นล้างป่าช้า)
รูปลักษณ์เหรียญ
ด้านหน้า มีรูปพระพุทธประทับนั่ง ปางมารวิชัย บนฐานบัวสองชั้น อยู่ในซุ้มเรือนแก้ว มีหูหล่อในตัว
ด้านหลัง มีอักษรขอม แปลเป็นภาษาไทยว่า “สุคโต” และมีตัว “อุ” ด้านบน
เหรียญหล่อพิมพ์จอบใหญ่ และเหรียญหล่อรูปไข่ สร้างในปีเดียวกันคือในปีพุทธศักราช 2478 ในวาระที่ท่านอายุครบ 75 ปี แม้การสร้างอยู่ในปีเดียวกัน แต่เล่ากันว่ามีการหล่อหลายวาระ ตามความต้องการของลูกศิษย์ที่มาให้ช่างหล่อให้ เล่ากันว่าช่างหล่อเป็นน้องชายแท้ ๆ ของหลวงพ่อ หากมีลูกศิษย์นำเนื้อโลหะอะไรมาให้หล่อ ช่างก็จะหล่อให้ตามความประสงค์ และหลวงพ่อจะปลุกเสกให้เป็นคราว ๆ ไป (ข้อมูลนี้ได้มาจาก คุณบัณฑิต กรกนก)
ส่วนเหรียญหล่อทรงเสมาและเหรียญหล่อรูป 5 เหลี่ยม ไม่แน่ชัดว่าสร้างในปีใด การแจกเหรียญนั้นบางท่านเล่าว่าเหรียญหล่อพิมพ์จอบใหญ่ท่านไว้แจกผู้ชาย เหรียญหล่อรูปไข่ไว้แจกสตรี ส่วนเหรียญทรงเสมาเนื้อสัมฤทธิ์สำหรับแจกเด็ก
เหรียญ 5 เหลี่ยม เนื้อสัมฤทธิ์ (รุ่นล้างป่าช้า) กล่าวกันว่าสร้างในวาระที่ท่านปฏิสังขรณ์ป่าช้าวัดกำแพง ซึ่งชำรุดเสียหายจากภาวะน้ำท่วม คงจะมอบให้กับผู้มาช่วยซ่อมแซมบูรณะป่าช้า
อย่างไรก็ดี ตามที่ได้สอบถามจากคนที่ทันยุคหลวงพ่อไหล่ หลวงพ่อไปล่ไม่เคยสร้างวัตถุมงคลเพื่อแลกกับปัจจัยในการสร้างถาวรวัตถุ ส่วนใหญ่เป็นการให้เปล่า ๆ จำนวนเหรียญที่สร้างรวมกันมีจำนวนไม่มากนัก น่าจะอยู่ในจำนวนหลักร้อย ไม่ถึงพันเหรียญ
พระพุทธคุณ
ผู้เขียนเคยได้ฟังมาจากนักเล่นพระ รุ่นเก่าคือ คุณสมควร คุณาบุตร (ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว) เล่าว่าตอนเป็นเด็กเคยพบกับหลวงพ่อไปล่ ในตอนนั้นไปช้อนปลากัดแถววัดกำแพง มีพระภิกษุรูปหนึ่งเดินเข้ามาถามว่า “ทำอะไร?” ท่านจึงตอบว่า “กำลังช้อนปลากัด” พระภิกษุองค์นั้นได้พูดว่า “ปลากัดที่นี่หนังเหนียว” คุณสมควรมาทราบในภายหลังว่าพระภิกษุองค์นั้นคือหลวงพ่อไปล่ สมภารวัดกำแพงในขณะนั้น
ยังมีเรื่องอีกเรื่องหนึ่ง จากคุณเป็งย้ง ตลาดพลู ได้เล่าว่า มีพ่อค้าปลาคนหนึ่งมาจากบางบอน (ชื่อนายประเสริฐ) นำปลามาขายเป็นประจำทุกอาทิตย์ ตัว “นายเสริฐ” สร้อยสายสร้อยทองเส้นใหญ่ เห็นได้สะดุดตา เมื่อมาเป็นประจำ ผู้คนจึงจำได้และรู้วัน-เวลาที่มา วันหนึ่งมีคนร้ายสองคนมาดักจี้ด้วยปืน
แกไม่ยอมถอดสร้อยให้และขัดขืน คนร้ายได้ยิงออกมาสองนัดแต่ยิงไม่ออก แกจึงเอามีดสำหรับทำปลาจะเข้าไปฟัน คนร้ายเห็นท่าไม่ดี รีบหนีข้ามคลองไป เรื่องนี้มีชาวตลาดพลูรู้เห็นกันอยู่มาก ปรากฏว่าพระที่อยู่ในสายสร้อยก็คือเหรียญหล่อหลวงพ่อไปล่ วัดกำแพง
พระพุทธคุณของเหรียญหล่อของหลวงพ่อไปล่ท่านจึงขึ้นชื่อในเรื่องมหาอุดคง กระพันชาตรี และเมตตามหานิยม เป็นที่นิยมของผู้คนในย่านบางบอน บางขุนเทียน มีเรื่องเล่าขานกันอยู่มาก ว่ากันว่าหากคนวัดกำแพงมีเหรียญวัดหนังแล้ว ถ้าใครมีเหรียญหลวงพ่อไปล่ไปขอแลกเขาจะยอมแลกทันที ที่เป็นความนิยมของเหรียญหลวงพ่อไปล่ซึ่งมีมาตั้งแต่โบราณ